วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

การศึกษาพหุวัฒนธรรม

                  พหุวัฒนธรรมไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับสังคมไทย ที่มีมีชุมชนชาวจีน  เขมร เข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยสุโขทัย   หรือเหตุการณ์ปัจจุบันที่มีการต่อต้านของการกรณีชาวโรฮิงญาขอใช้ประเทศไทยเป็นที่พำนักก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศที่สาม  เหตุการณ์นี้แสดงถึงทัศนคติของคนที่มีต่อคนอื่นที่มีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ สัญชาติ  สีผิว  ภาษา  หรือเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้  ชาวชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยทั่วประเทศโดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน การนำวัฒนธรรมหลักเพียงวัฒนธรรมเดียวเข้าไปกำหนดทิศทางของการศึกษา โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่าง  ขัดแย้งกับหลักการของการศึกษา  จำเป็นอย่างยิ่งที่นักการศึกษาควรมีความรู้ความเข้าใจและมีความสามารถจัดการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับ  พหุวัฒนธรรมนำไปสู่ผู้เรียนได้   

มิติของการศึกษาพหุวัฒนธรรม
                Banks(1997) แบ่งมิติของการศึกษาพหุวัฒนธรรมออกเป็น 5 มิติดังต่อไปนี้
                1. บูรณาการเนื้อหาความรู้ (Content Integration) หมายถึง การจัดการศึกษาที่มีการบูรณาการเนื้อหาและข้อมูลต่างๆ ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นข้อมูลและเนื้อหาที่สะท้อนถึงกลุ่มคนทางสังคม  นอกจากนี้การบูรณการด้านความรู้นั้นควรเริ่มต้นที่การสร้างให้เกิดความเข้าใจพื้นฐานทางด้านประวิติศาสตร์ของชาติพันธุ์ต่างๆ ในสังคม
                2. การสร้างความรู้ (Knowledge construction) หมายถึงกระบวนการที่อธิบายถึงการสร้างความรู้ที่เชื่อมโยงกับมิติทางสังคมหรือวิทยาศาสตร์  เมื่อแนวคิดดังกล่าวถูกใช้ในการเรียนการสอน  กระบวนการสร้างความรู้จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจถึงที่มาที่ไปของความรู้ที่ถูกสร้างขึ้น  รวมถึงการอธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจถึงอิทธิพลของกลุ่มคนที่มีเชื้อชาติสัญชาติ  และชนชั้นทางสังคมว่ามีผลต่อการสร้างความรู้อย่างไร
                3. การลดอคติ เป็นมิติและกระบวนการที่อธิบายถึงกลยุทธ์ในการเรียนการสอนที่ถูกใช้เพื่อเสริมสร้างทัศนคติเชิงบวก  เพื่อให้ผู้เรียนมีแนวคิดประชาธิปไตย  รวมถึงการสร้างให้เกิดคุณค่าต่างๆ ให้เกิดขึ้น  ซึ่งได้แก่แนวคิดเชิงบวกต่อเชื้อชาติที่แตกต่างกัน
                4. การใช้วิธีสอนที่ส่งเสริมความเท่าเทียม หมายถึงใช้เทคนิค  วิธีสอนที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้  ไม่ว่าผู้เรียนนั้นจะมีความแตกต่างกันทางด้านเชื้อชาติ  สัญชาติ หรือชนชั้นทางสังคม  ผู้เรียนกลุ่มต่างๆ เหล่านี้จะต้องได้รับการส่งเสริมใส่ใจอย่างเท่าเทียม  ดังนั้นผู้สอนหรือผู้บริหารต้องสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือผู้เรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันในการเรียนรู้ให้ประสบความสำเร็จหรือช่วยยกระดับความสำเร็จทางการเรียน
                5. การให้ความสำคัญวัฒนธรรมโรงเรียน  หมายถึงกระบวนการในการสร้างวัฒนธรรมและสร้างองค์การให้มีความเข้มแข็งเพื่อให้ผู้เรียนที่มีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ  ชาติพันธุ์  ภาษาและกลุ่มชนชั้นทางสังคมได้รับประสบการณ์ทางการศึกษาที่มีคุณภาพ

ประเภทของหลักสูตรการศึกษาพหุวัฒนธรรมและการประยุกต์ใช้
                Banks แบ่งหลักสูตรการศึกษาพหุวัฒนธรรมแบ่งได้เป็น  รูปแบบ คือ
                1. รูปแบบกระจายเนื้อหาโดยจะให้ความสำคัญกับลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรม  ได้แก่  วีรบุรุษ วีรสตรี วันหยุดสำคัญ เรื่องเล่า อาหาร และเสื้อผ้าและเครื่องแต่งการ  แนวคิดนี้จะให้ความสำคัญกับอัตลักษณ์ดังกล่าวข้างต้นแต่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรหลักการที่มีการใช้อยู่  ทั้งนี้รูปแบบดังกล่าวนี้ให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมเน้นการพยายามสร้างความเข้าใจกับวัฒนธรรมอื่นๆ  แต่จะพยายามหลีกเลี่ยงประเด็นที่เป็นความขัดแย้งที่แท้จริงทางวัฒนธรรม  รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับพลังอำนาจและความไม่ยุติธรรมที่มีอยู่ในสังคม
                2. แบบเพิ่มเติมเนื้อหา  รูปแบบนี้จะเป็นการเปิดกว้างมากขึ้น  โดยเป็นการเพิ่มเติมประเด็นเนื้อหาในหลักสูตรหลัก  เป็นการนำวัฒนธรรมรูปแบบหนึ่งไปเชื่อมโยงกับอีกวัฒนธรรมหนึ่ง  ทั้งนี้วัฒนธรรมที่ถูกนำมาเชื่อมโยงจะเป็นวัฒนธรรมย่อยที่ต้องการนำเสนอให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม  ตัวอย่างเช่น  การนำเสนอวัฒนธรรมไทย-จีนเชื่อมโยงกับรายวิชาประวัติศาสตร์ไทย  ถึงแม้จะเป็นการเปิดกว้างวัฒนธรรมอื่น  แต่มุมมองสำคัญยังคงให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมหลัก
                3. รูปแบบการเปลี่ยนแปลงเนื้อหา  รูปแบบนี้เปิดกว้างมากกว่ารูปแบบที่สอง  โดยมีการยอมรับแนวคิดที่แตกต่างกันออกไปจากวัฒนธรรมหลัก  มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในหลักสูตรเพื่อให้เกิดการยอมรับและเข้าใจความแตกต่าง  เน้นการคิดวิเคราะห์และให้เข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรม  อย่างไรก็ตามรูปแบบนี้ต้องอาศัยการปรับปรุงหลักสูตรย่อยไปสนับสนุนหลักสูตรที่มีอยู่แล้วรวมถึงการจัดการฝึกอบรมเพื่อให้เข้าใจเนื้อหา  รวมถึงการพัฒนาวัสดุอุปกรณ์การเรียนรู้  เทคโนโลยีและระบบที่เหมาะสม
                4. รูปแบบการปฏิบัติทางสังคม รูปแบบนี้จะเชื่อมโยงกับรูปแบบที่สาม คือมีการส่งเสริมให้เกิดมุมมองที่หลากหลายและมีความตระหนักต่อวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน  และมุ่งเน้นการลงมือปฏิบัติ โดนมุมมองเหล่านี้ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และการสร้างความรู้โดยอิสระ  เพื่อให้เห็นถึงความตระหนักและความสำคัญของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างแท้จริง  เช่น ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียงและมอบหมายให้นักเรียนออกแบบกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้ความช่วยเหลือ  บรรเทาทุกข์บุคคลที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติ  เป็นต้น  รูปแบบนี้จะเน้นการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจของตัวผู้เรียนเอง  และรูปแบบดังกล่าวนี้ต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาในหลักสูตรให้มีความเหมาะสม

ทิศทางใหม่การศึกษาพหุวัฒนธรรม

                การจัดการศึกษาพหุวัฒนธรรม จะเข้าบทบาทในปัจจุบันเนื่องจากสภาพทางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง  ประชาชนสามารถเคลื่อนย้ายไปยังส่วนต่างๆของโลกได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น  แต่ประชาชนเหล่านั้นยังคงวัฒนธรรมเดิมของตนเองไว้ท่ามกลางกระแสวัฒนธรรมหลัก  ดังนั้นมีหลักสำคัญที่จะต้องศึกษาอย่างน้อย 3 ประการคือ   
                1) แนวคิดหรือมโนทัศน์(Idea or concept)  แนวคิดทางพหุวัฒนธรรมจะต้องเพื่อผู้เรียนทุกคน โดยไม่แบ่งแยก เพศ ชนชั้นทางสังคม กลุ่มชน เชื้อชาติ หรือลักษณะทางวัฒนธรรม จะต้องมีความเท่าเทียมกันในโอกาสที่จะได้รับการเรียนรู้ในสถานศึกษา และมุ่งให้ผู้เรียนได้รับการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดในสถานศึกษา       
                2) แนวทางการปฏิรูปทางการศึกษา(Educational reform movement) การจัดการศึกษาตามแนวทางพหุวัฒนธรรมเป็นแนวทางในการปฏิรูปทางการศึกษา ซึ่งเป็นเรื่องยากมากในการที่จะเปลี่ยนแปลงสถาบันการศึกษาซึ่งมีผู้เรียนจำนวนมาก หลากหลายชนชั้น มีความแตกต่างทางเพศ เชื้อชาติ และวัฒนธรรม ให้มีโอกาสที่เท่าเทียมกันทางการศึกษา ดังนั้นการปฏิรูปการศึกษาตามแนวการศึกษาพหุวัฒนธรรมจะต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางการศึกษาของสถานศึกษาในลักษณะองค์รวม ไม่ได้จำกัดเฉพาะการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเท่านั้น   
                3) กระบวนการทางการจัดการศึกษาตามแนวทางพหุวัฒนธรรม (process)

 มีเป้าหมายเกี่ยวกับการจัดการศึกษาที่มีเสรีภาพและความยุติธรรม จะต้องมีการขจัดความคิดที่เป็นอคติและการแบ่งแยกของกลุ่มต่าง ๆ ในผู้เรียนให้หมดไป โดยเป็นกระบวนการที่จะต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความเท่าเทียมกันทางการศึกษาแก่ผู้เรียนทุกคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น