พหุวัฒนธรรมไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับสังคมไทย ที่มีมีชุมชนชาวจีน เขมร เข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยสุโขทัย หรือเหตุการณ์ปัจจุบันที่มีการต่อต้านของการกรณีชาวโรฮิงญาขอใช้ประเทศไทยเป็นที่พำนักก่อนเดินทางต่อไปยังประเทศที่สาม เหตุการณ์นี้แสดงถึงทัศนคติของคนที่มีต่อคนอื่นที่มีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ
สัญชาติ สีผิว ภาษา
หรือเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ชาวชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อาศัยทั่วประเทศโดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน
การนำวัฒนธรรมหลักเพียงวัฒนธรรมเดียวเข้าไปกำหนดทิศทางของการศึกษา โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่าง ขัดแย้งกับหลักการของการศึกษา
จำเป็นอย่างยิ่งที่นักการศึกษาควรมีความรู้ความเข้าใจและมีความสามารถจัดการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับ พหุวัฒนธรรมนำไปสู่ผู้เรียนได้
มิติของการศึกษาพหุวัฒนธรรม
Banks(1997) แบ่งมิติของการศึกษาพหุวัฒนธรรมออกเป็น 5 มิติดังต่อไปนี้
1. บูรณาการเนื้อหาความรู้
(Content Integration) หมายถึง
การจัดการศึกษาที่มีการบูรณาการเนื้อหาและข้อมูลต่างๆ
ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
เป็นข้อมูลและเนื้อหาที่สะท้อนถึงกลุ่มคนทางสังคม
นอกจากนี้การบูรณการด้านความรู้นั้นควรเริ่มต้นที่การสร้างให้เกิดความเข้าใจพื้นฐานทางด้านประวิติศาสตร์ของชาติพันธุ์ต่างๆ
ในสังคม
2. การสร้างความรู้
(Knowledge construction) หมายถึงกระบวนการที่อธิบายถึงการสร้างความรู้ที่เชื่อมโยงกับมิติทางสังคมหรือวิทยาศาสตร์
เมื่อแนวคิดดังกล่าวถูกใช้ในการเรียนการสอน
กระบวนการสร้างความรู้จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจถึงที่มาที่ไปของความรู้ที่ถูกสร้างขึ้น รวมถึงการอธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจถึงอิทธิพลของกลุ่มคนที่มีเชื้อชาติสัญชาติ
และชนชั้นทางสังคมว่ามีผลต่อการสร้างความรู้อย่างไร
3. การลดอคติ เป็นมิติและกระบวนการที่อธิบายถึงกลยุทธ์ในการเรียนการสอนที่ถูกใช้เพื่อเสริมสร้างทัศนคติเชิงบวก เพื่อให้ผู้เรียนมีแนวคิดประชาธิปไตย รวมถึงการสร้างให้เกิดคุณค่าต่างๆ
ให้เกิดขึ้น
ซึ่งได้แก่แนวคิดเชิงบวกต่อเชื้อชาติที่แตกต่างกัน
4. การใช้วิธีสอนที่ส่งเสริมความเท่าเทียม หมายถึงใช้เทคนิค
วิธีสอนที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้
ไม่ว่าผู้เรียนนั้นจะมีความแตกต่างกันทางด้านเชื้อชาติ สัญชาติ หรือชนชั้นทางสังคม ผู้เรียนกลุ่มต่างๆ
เหล่านี้จะต้องได้รับการส่งเสริมใส่ใจอย่างเท่าเทียม
ดังนั้นผู้สอนหรือผู้บริหารต้องสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือผู้เรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันในการเรียนรู้ให้ประสบความสำเร็จหรือช่วยยกระดับความสำเร็จทางการเรียน
5. การให้ความสำคัญวัฒนธรรมโรงเรียน
หมายถึงกระบวนการในการสร้างวัฒนธรรมและสร้างองค์การให้มีความเข้มแข็งเพื่อให้ผู้เรียนที่มีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ ชาติพันธุ์
ภาษาและกลุ่มชนชั้นทางสังคมได้รับประสบการณ์ทางการศึกษาที่มีคุณภาพ
ประเภทของหลักสูตรการศึกษาพหุวัฒนธรรมและการประยุกต์ใช้
Banks แบ่งหลักสูตรการศึกษาพหุวัฒนธรรมแบ่งได้เป็น 4
รูปแบบ คือ
1. รูปแบบกระจายเนื้อหาโดยจะให้ความสำคัญกับลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรม ได้แก่
วีรบุรุษ วีรสตรี วันหยุดสำคัญ เรื่องเล่า อาหาร
และเสื้อผ้าและเครื่องแต่งการ แนวคิดนี้จะให้ความสำคัญกับอัตลักษณ์ดังกล่าวข้างต้นแต่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรหลักการที่มีการใช้อยู่
ทั้งนี้รูปแบบดังกล่าวนี้ให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมเน้นการพยายามสร้างความเข้าใจกับวัฒนธรรมอื่นๆ
แต่จะพยายามหลีกเลี่ยงประเด็นที่เป็นความขัดแย้งที่แท้จริงทางวัฒนธรรม
รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับพลังอำนาจและความไม่ยุติธรรมที่มีอยู่ในสังคม
2. แบบเพิ่มเติมเนื้อหา
รูปแบบนี้จะเป็นการเปิดกว้างมากขึ้น
โดยเป็นการเพิ่มเติมประเด็นเนื้อหาในหลักสูตรหลัก
เป็นการนำวัฒนธรรมรูปแบบหนึ่งไปเชื่อมโยงกับอีกวัฒนธรรมหนึ่ง ทั้งนี้วัฒนธรรมที่ถูกนำมาเชื่อมโยงจะเป็นวัฒนธรรมย่อยที่ต้องการนำเสนอให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น
การนำเสนอวัฒนธรรมไทย-จีนเชื่อมโยงกับรายวิชาประวัติศาสตร์ไทย ถึงแม้จะเป็นการเปิดกว้างวัฒนธรรมอื่น
แต่มุมมองสำคัญยังคงให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมหลัก
3. รูปแบบการเปลี่ยนแปลงเนื้อหา รูปแบบนี้เปิดกว้างมากกว่ารูปแบบที่สอง
โดยมีการยอมรับแนวคิดที่แตกต่างกันออกไปจากวัฒนธรรมหลัก
มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในหลักสูตรเพื่อให้เกิดการยอมรับและเข้าใจความแตกต่าง เน้นการคิดวิเคราะห์และให้เข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรม อย่างไรก็ตามรูปแบบนี้ต้องอาศัยการปรับปรุงหลักสูตรย่อยไปสนับสนุนหลักสูตรที่มีอยู่แล้วรวมถึงการจัดการฝึกอบรมเพื่อให้เข้าใจเนื้อหา รวมถึงการพัฒนาวัสดุอุปกรณ์การเรียนรู้ เทคโนโลยีและระบบที่เหมาะสม
4. รูปแบบการปฏิบัติทางสังคม รูปแบบนี้จะเชื่อมโยงกับรูปแบบที่สาม คือมีการส่งเสริมให้เกิดมุมมองที่หลากหลายและมีความตระหนักต่อวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน และมุ่งเน้นการลงมือปฏิบัติ
โดนมุมมองเหล่านี้ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และการสร้างความรู้โดยอิสระ เพื่อให้เห็นถึงความตระหนักและความสำคัญของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างแท้จริง เช่น
ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียงและมอบหมายให้นักเรียนออกแบบกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้ความช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์บุคคลที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติ เป็นต้น
รูปแบบนี้จะเน้นการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจของตัวผู้เรียนเอง
และรูปแบบดังกล่าวนี้ต้องมีการปรับปรุงเนื้อหาในหลักสูตรให้มีความเหมาะสม
ทิศทางใหม่การศึกษาพหุวัฒนธรรม
การจัดการศึกษาพหุวัฒนธรรม
จะเข้าบทบาทในปัจจุบันเนื่องจากสภาพทางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง
ประชาชนสามารถเคลื่อนย้ายไปยังส่วนต่างๆของโลกได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
แต่ประชาชนเหล่านั้นยังคงวัฒนธรรมเดิมของตนเองไว้ท่ามกลางกระแสวัฒนธรรมหลัก ดังนั้นมีหลักสำคัญที่จะต้องศึกษาอย่างน้อย 3
ประการคือ
1) แนวคิดหรือมโนทัศน์(Idea or concept) แนวคิดทางพหุวัฒนธรรมจะต้องเพื่อผู้เรียนทุกคน
โดยไม่แบ่งแยก เพศ ชนชั้นทางสังคม กลุ่มชน เชื้อชาติ หรือลักษณะทางวัฒนธรรม
จะต้องมีความเท่าเทียมกันในโอกาสที่จะได้รับการเรียนรู้ในสถานศึกษา
และมุ่งให้ผู้เรียนได้รับการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดในสถานศึกษา
2) แนวทางการปฏิรูปทางการศึกษา(Educational
reform movement) การจัดการศึกษาตามแนวทางพหุวัฒนธรรมเป็นแนวทางในการปฏิรูปทางการศึกษา
ซึ่งเป็นเรื่องยากมากในการที่จะเปลี่ยนแปลงสถาบันการศึกษาซึ่งมีผู้เรียนจำนวนมาก
หลากหลายชนชั้น มีความแตกต่างทางเพศ เชื้อชาติ และวัฒนธรรม
ให้มีโอกาสที่เท่าเทียมกันทางการศึกษา ดังนั้นการปฏิรูปการศึกษาตามแนวการศึกษาพหุวัฒนธรรมจะต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางการศึกษาของสถานศึกษาในลักษณะองค์รวม
ไม่ได้จำกัดเฉพาะการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเท่านั้น
3) กระบวนการทางการจัดการศึกษาตามแนวทางพหุวัฒนธรรม
(process)
มีเป้าหมายเกี่ยวกับการจัดการศึกษาที่มีเสรีภาพและความยุติธรรม
จะต้องมีการขจัดความคิดที่เป็นอคติและการแบ่งแยกของกลุ่มต่าง ๆ ในผู้เรียนให้หมดไป
โดยเป็นกระบวนการที่จะต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มความเท่าเทียมกันทางการศึกษาแก่ผู้เรียนทุกคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น